บทนำ
เมื่อพูดถึง “การบรรเทาอาการเจ็บปาก” จากแผลมือเท้าปากหรือเฮอร์แปงไจน่า หลายคนคงคุ้นเคยกับ “ยาชาแบบทา (Lidocaine Gel)” และอาจเคยได้ยิน “สเปรย์พ่นปาก Eureko Mouth Spray” ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมในการลดการระคายเคืองแผลในปาก บทความนี้จะมา “ไขข้อข้องใจ” ว่าสองตัวนี้ต่างกันอย่างไร ข้อดีข้อเสียแต่ละแบบ และเหตุผลว่าทำไม Eureko Mouth Spray ถึงตอบโจทย์หลายครอบครัวมากกว่าในสถานการณ์ปัจจุบัน
1) เข้าใจพื้นฐาน: Lidocaine Gel (ยาชาเฉพาะที่)
1.1 กลไกการทำงาน
- Lidocaine Gel เป็นยาชาเฉพาะที่ ออกฤทธิ์โดยการ “ยับยั้งสัญญาณประสาท” ชั่วคราว ทำให้บริเวณที่ทารู้สึกชาและไม่เจ็บ
- ต้องทาเฉพาะจุดที่เจ็บที่สุด หรือแผลในปากโดยตรง
1.2 ข้อดี
- ออกฤทธิ์ “ชา” เร็วทันที ทำให้กินอาหารได้ดีขึ้นในช่วงสั้น ๆ
- หาซื้อได้ค่อนข้างง่ายในร้านขายยา
1.3 ข้อจำกัด/ข้อควรระวัง
- รสชาติขม/เฝื่อน เด็กหลายคนไม่ชอบ อาจร้องไห้หรือคายทิ้ง
- หากกินมากเกินไป เสี่ยงต่อการกลืน Lidocaine เข้าระบบ และมีผลข้างเคียง (เช่น อัตราการเต้นของหัวใจผิดปกติ)
- ระยะเวลาชาอาจไม่ยาวนัก ต้องทาซ้ำบ่อย
2) สเปรย์พ่นปาก “Eureko Mouth Spray”
2.1 กลไก “เคลือบแผล”
- ไม่ใช่ยาชา แต่เป็น “Medical Device” ที่ใช้โพลีเมอร์ (PVP) สร้างฟิล์มบาง ๆ “เคลือบ” แผลในปาก ลดการสัมผัสสิ่งกระตุ้นภายนอก
- จึงไม่ทำให้รู้สึก “ชา” แต่ลดความเจ็บปวดได้เพราะแผลไม่ถูกรบกวน
2.2 ข้อดี
- ปราศจากยาชา แอลกอฮอล์ สเตียรอยด์
- ไม่เสี่ยงผลข้างเคียงเรื่องหัวใจหรือประสาท
- รสชาติอ่อน
- กลิ่นพีชอ่อน ๆ เด็กยอมรับง่าย ไม่แสบ ไม่ขม
- เคลือบนานกว่า
- ฟิล์มโพลีเมอร์ติดค่อนข้างทน เด็กจึงไม่ต้องพ่นซ้ำบ่อยมากเท่าทายาชา
- ทำให้กินอาหารได้ต่อเนื่อง
- ใช้ได้ในเด็กเล็กตั้งแต่ 3 เดือน
- แค่ระวังเรื่องท่าพ่นและการกลืน เพื่อป้องกันสำลัก
2.3 ข้อควรระวัง
- ถ้าแผลอยู่ลึก (เช่น คอหอย) ต้องระวังไม่ให้พ่นแรงจนเด็กสำลัก
- ไม่ออกฤทธิ์ชาเหมือน Lidocaine อาจไม่เหมาะกับบางเคสที่ต้องการลดปวดเฉียบพลันที่สุด
3) เปรียบเทียบสั้น ๆ
ประเด็น | Lidocaine Gel (ยาชา) | Eureko Mouth Spray |
---|---|---|
หลักการ | ยับยั้งการส่งสัญญาณประสาท | สร้างฟิล์มโพลีเมอร์เคลือบแผล ลดการเสียดสี |
รสชาติ/กลิ่น | ขม เฝื่อน บางคนทนไม่ได้ | กลิ่นพีชอ่อน ๆ หวานอ่อน ไม่แสบไม่ขม |
ผลข้างเคียง | ถ้าใช้มากอาจเกิดพิษต่อหัวใจ/ระบบประสาท | เป็นสารเฉื่อย (Inert substance) ไม่พบผลข้างเคียงรุนแรง |
อายุที่ใช้ | ใช้ได้ แต่ต้องระวังในเด็กเล็ก <2 ขวบ | แนะนำตั้งแต่ 3 เดือนขึ้นไป ควรพ่นท่าศีรษะตั้งตรง |
ระยะเวลาการออกฤทธิ์ | ชาชั่วคราว ต้องทาซ้ำค่อนข้างบ่อย | เคลือบแผลนาน ฟิล์มไม่หลุดง่าย เว้นแต่กินหรือดื่มมาก ๆ |
สถานะสินค้า | ยาจำเป็นต้องอยู่ภายใต้คำแนะนำเภสัชกร/แพทย์ | เครื่องมือแพทย์ Class 1 ใช้ได้โดยไม่ต้องมีใบสั่งยา |
4) ในกรณีไหนอาจเลือก Lidocaine / Eureko Mouth Spray?
- Lidocaine Gel
- บางกรณีเด็กโตก็ทนรสขมได้ ต้องการลดเจ็บปวดเฉียบพลัน
- หากเคยคุ้นชินการใช้มาก่อน
- ต้องปรึกษาแพทย์ถ้าจะใช้ต่อเนื่อง
- Eureko Mouth Spray
- เหมาะกับเด็กเล็กที่ไม่ชอบรสขม ร้องไห้เมื่อทายาชา
- พ่อแม่กังวลเรื่องกลืนยาเกินขนาด
- ต้องการเคลือบแผลนาน ๆ แผลในปากไม่สัมผัสอาหารบ่อย
(อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้สเปรย์พ่นปากได้ใน ลูกเป็นมือเท้าปาก! ทำยังไงดี? วิธีดูแล + ตัวช่วยลดเจ็บปากแบบเห็นผล)
5) ตัวอย่างเคส “ลูกไม่ชอบรสยาชา แต่ยอมสเปรย์”
- น้องมายด์ อายุ 4 ขวบ: ป่วยมือเท้าปาก แม่เคยใช้ Lidocaine Gel ทาแผลปาก แต่ลูกบอกขมจนคายออก
- แก้ปัญหา: ลองเปลี่ยนเป็น Eureko Mouth Spray พ่นก่อนอาหาร 3 เวลา เด็กร้องไห้น้อยลง เพราะไม่เจอรสขม
- ผลลัพธ์: น้องกินข้าวได้เพียงพอ ไม่ต้องฝืนทายาชาบ่อย ๆ ฟื้นตัวใน 1 สัปดาห์
-
- หากต้องการเสริมพรีไบโอติกเพื่อฟื้นตัวจากมือเท้าปาก อ่าน “บทบาทของ Probiotic ร่วมกับ Prebiotic…”
- ดูเมนูอาหารเย็น ๆ สำหรับเด็กเจ็บปากใน “รวมเมนูอาหารเย็นชื่นใจ…”
อ่านรายละเอียดทั้งหมดของ Eureko Mouth Spray ได้ใน ลูกเป็นมือเท้าปาก! ทำยังไงดี? วิธีดูแล + ตัวช่วยลดเจ็บปากแบบเห็นผล
สรุป
“ยาชาแบบทา (Lidocaine Gel)” และ “Eureko Mouth Spray” ต่างมีจุดเด่นและข้อควรระวังต่างกัน การเลือกใช้ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของแต่ละบ้าน
- ถ้าเด็กโตหรือผู้ใหญ่ทนรสชาติขมได้ และต้องการ “ชา” เฉียบพลันในระยะสั้น Lidocaine Gel อาจพอได้
- แต่ถ้าผู้ปกครองกังวลเรื่องผลข้างเคียงหรือรสชาติไม่เป็นมิตร โดยเฉพาะในเด็กเล็ก การใช้ Eureko Mouth Spray ซึ่งสร้างฟิล์มเคลือบแผลโดยไม่ต้องกลัวพิษจากยาชา อาจตอบโจทย์และปลอดภัยกว่า
สุดท้ายควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรหากอาการลูกไม่ดีขึ้นภายใน 7 วัน หรือถ้าใช้แล้วลูกยังเจ็บปากจนกินไม่ได้ จนอาจเสี่ยงขาดน้ำและสารอาหารค่ะ