โรคมือเท้าปาก ติดต่อไหม? ไขข้อสงสัย พร้อมเผยวิธีป้องกันแบบหมดเปลือก!
โรคมือ เท้า ปาก ติดต่อไหม?
คำตอบคือ ติดต่อได้ง่ายมาก
โรคมือ เท้า ปาก เป็นโรคติดเชื้อไวรัสที่พบได้บ่อยในเด็กเล็ก โดยเฉพาะเด็กที่อายุต่ำกว่า 5 ปี เกิดจากเชื้อไวรัสกลุ่มเอนเทอโรไวรัส (Enterovirus) โดยเฉพาะไวรัสค็อกซากี เอ 16 และเอนเทอโรไวรัส 71 โรคนี้สามารถแพร่กระจายได้ง่ายและมีอัตราการแพร่เชื้อสูงมาก โดยเฉพาะในสถานที่ที่มีเด็กเล็กอยู่รวมกัน เช่น โรงเรียนอนุบาล หรือสถานรับเลี้ยงเด็ก แม้โรคนี้ส่วนใหญ่มักมีอาการไม่รุนแรงและหายได้เอง แต่ก็อาจมีภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรงได้ เช่น เยื่อหุ้มสมองอักเสบ กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ หรือน้ำท่วมปอด ดังนั้น การป้องกันและดูแลอย่างถูกวิธีจึงเป็นสิ่งสำคัญ
โรคมือเท้าปากติดต่อได้อย่างไร?
เชื้อไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคมือ เท้า ปาก สามารถแพร่กระจายได้หลายช่องทาง ดังนี้
- การสัมผัสโดยตรง: การสัมผัสสารคัดหลั่งจากผู้ป่วย เช่น น้ำมูก น้ำลาย น้ำจากตุ่มพอง หรืออุจจาระ เด็กที่เล่นด้วยกัน สัมผัสกัน หรือใช้สิ่งของร่วมกัน เช่น ของเล่น จาน ชาม ช้อน ส้อม จะมีโอกาสเสี่ยงติดเชื้อได้มาก
- การสัมผัสทางอ้อม: การสัมผัสพื้นผิวต่างๆ ที่ปนเปื้อนเชื้อไวรัส เช่น ลูกบิดประตู โต๊ะ ของเล่น หรือสิ่งของที่เด็กๆ ใช้ร่วมกัน โดยเฉพาะในสภาพอากาศเย็น เชื้อไวรัสสามารถอยู่บนพื้นผิวต่างๆ ได้นานหลายชั่วโมง เช่น พื้นผิวพลาสติก อาจพบเชื้อไวรัสได้นานถึง 7 วัน พื้นผิวไม้ นานถึง 4 วัน และบนผ้า นานถึง 2 วัน ยิ่งอุณหภูมิต่ำลง เชื้อไวรัสก็ยิ่งมีชีวิตอยู่นานขึ้น เช่น ที่อุณหภูมิ 4 องศาเซลเซียส เชื้อไวรัสสามารถอยู่รอดได้นานถึง 10 วัน
- การไอหรือจาม: เชื้อไวรัสสามารถแพร่กระจายในละอองฝอยจากการไอหรือจามของผู้ป่วย ละอองฝอยเหล่านี้สามารถลอยในอากาศและติดเข้าสู่ร่างกายผ่านการหายใจหรือการสัมผัสสารคัดหลั่งเหล่านี้ได้
ทำไมโรคนี้ถึงระบาดได้ง่ายในเด็ก?
- พฤติกรรมของเด็ก: เด็กเล็กมักมีพฤติกรรมชอบสัมผัสของเล่น ใช้มือสัมผัสสิ่งของรอบตัวและนำมือเข้าปากบ่อยๆ ซึ่งเป็นช่องทางที่ทำให้เชื้อไวรัสเข้าสู่ร่างกายได้ง่าย
- สุขอนามัย: การดูแลความสะอาดส่วนตัวในเด็กอาจไม่เข้มงวดพอ ทำให้เกิดการแพร่กระจายของเชื้อได้ง่ายในโรงเรียนหรือสถานเลี้ยงเด็ก
- สภาพแวดล้อม:
- ห้องเรียนแบบปิด: การอยู่ในโรงเรียน Nursery หรือห้องเรียน ที่เป็นห้องแอร์ หากการระบายอากาศไม่ดี เชื้อไวรัสจะสามารถสะสม และแพร่กระจายไปยังเด็กคนอื่นๆ ได้ง่าย
- ความแออัด: สถานที่ที่มีเด็กอยู่รวมกันจำนวนมาก เช่น ห้องเรียน สนามเด็กเล่น ยิ่งเพิ่มโอกาสในการสัมผัสเชื้อ และทำให้โรคแพร่ระบาดได้ง่ายขึ้น
- ภูมิคุ้มกัน: เด็กเล็กมีระบบภูมิคุ้มกันที่ยังพัฒนาไม่เต็มที่ จึงมีความเสี่ยงในการติดเชื้อโรคต่างๆ ได้ง่าย รวมถึงโรคมือ เท้า ปาก
อาการของโรคมือ เท้า ปาก
- มีไข้
- เจ็บปาก
- มีตุ่มพองเล็กๆ ในปาก มือ และเท้า
- เบื่ออาหาร
- อ่อนเพลีย
- ปวดศีรษะ
- คลื่นไส้ อาเจียน
การป้องกันโรคมือ เท้า ปาก
- ล้างมือบ่อยๆ: ล้างมือด้วยสบู่และน้ำสะอาดทุกครั้งหลังจากใช้ห้องน้ำ ก่อนรับประทานอาหาร และหลังสัมผัสสิ่งของสาธารณะ ควรล้างมืออย่างน้อย 20 วินาที และเช็ดให้แห้งด้วยผ้าสะอาด
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสผู้ป่วย: ไม่ควรใช้สิ่งของร่วมกับผู้ป่วย เช่น แก้วน้ำ ช้อน ผ้าเช็ดตัว ของเล่น
- รักษาความสะอาด:
- ทำความสะอาดของเล่น และพื้นผิวสัมผัสต่างๆ: ทำความสะอาดสิ่งของ พื้นผิว และของเล่นที่เด็กสัมผัสบ่อยๆ เช่น โต๊ะ เก้าอี้ ลูกบิดประตู ด้วยน้ำยาทำความสะอาด หรือน้ำยาฆ่าเชื้อ
- ระบายอากาศ: หมั่นเปิดประตู หน้าต่าง เพื่อระบายอากาศภายในห้องเรียน หรือสถานที่ที่เด็กๆ อยู่รวมกัน อย่างน้อยวันละ 2-3 ครั้ง
- รับวัคซีน: แม้ปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนป้องกันโรคมือ เท้า ปาก ที่เกิดจากเชื้อไวรัสค็อกซากี แต่มีวัคซีนป้องกันโรคมือ เท้า ปาก ที่เกิดจากเชื้อเอนเทอโรไวรัส 71 ซึ่งสามารถช่วยลดความรุนแรงของโรคได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็กเล็ก
- แยกผู้ป่วย: หากมีเด็กหลายคนในบ้าน ควรแยกผู้ป่วยออกจากเด็กคนอื่นๆ เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ รวมถึงแยกของใช้ส่วนตัว เช่น แก้วน้ำ ช้อน ผ้าเช็ดตัว และแยกซักเสื้อผ้าของผู้ป่วยต่างหาก
การดูแลเด็กที่ป่วยเป็นโรคมือ เท้า ปาก
- ให้เด็กพักผ่อนมากๆ: เด็กควรพักผ่อนอย่างเต็มที่เพื่อให้ร่างกายสามารถฟื้นตัวได้เร็วขึ้น
- ดื่มน้ำมากๆ: ควรให้เด็กดื่มน้ำมากๆ เพื่อป้องกันการขาดน้ำ อาจให้ดื่มน้ำเย็นหรือน้ำผลไม้ที่ช่วยบรรเทาอาการเจ็บแผลในปากได้
- รับประทานอาหารอ่อนๆ: เช่น ข้าวต้ม โจ๊ก หรือน้ำซุป เพื่อไม่ให้แผลในปากระคายเคืองและทำให้เด็กทานอาหารได้สะดวกขึ้น
- สเปรย์พ่นปาก: การใช้สเปรย์พ่นปากยูเรโกะ สามารถช่วยบรรเทาอาการเจ็บปากในผู้ป่วยโรคมือ เท้า ปากได้ โดยผลิตภัณฑ์นี้เมื่อพ่นในปากจะช่วยสร้างฟิล์มบางๆ เคลือบแผลในปาก บรรเทาอาการเจ็บแสบแผลได้ภายใน 1 นาทีหลังใช้ นอกจากนี้น้องยังสามารถทานอาหารโดยไม่เจ็บตอนกลืน และฟิล์มนี้จะช่วยสนับสนุนการหายของแผลได้เร็วขึ้น เพราะไม่มีการรบกวนการหายของแผลจากอาหาร น้ำ และน้ำลาย
การฟื้นตัวของร่างกายจากการทานอาหารที่เหมาะสม
- อาหารที่มีโปรตีนสูง เช่น ไข่ นม และปลา มีส่วนช่วยในการฟื้นฟูเซลล์ที่ถูกทำลายจากไวรัส ทำให้ร่างกายของเด็กฟื้นตัวได้เร็วขึ้น และเมื่อเด็กสามารถทานอาหารได้ ร่างกายจะได้รับสารอาหารที่เพียงพอที่จะต่อสู้กับเชื้อไวรัส
- การเสริมพรีไบโอติก ฟรุคโตโอลิโกแซคคาไรด์ FOS จากผลิตภัณฑ์ Immunex FOS จะช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้กลับมาแข็งแรง ลดโอกาสในการติดเชื้อไวรัสซ้ำหรือป่วยด้วยโรคมือ เท้า ปากในครั้งต่อไป
สั่งซื้อ Eureko Mouth Spray ได้ที่
- Line @genkihouses
Download EBook คู่มือการดูแลลูกเป็นมือเท้าปาก ฟรี ได้ที่ https://t.ly/j8ttu