เฮอร์แปงไจน่า อาหารอะไรที่กินได้บ้าง? บรรเทาอาการด้วยโปรตีนและอาหารเย็น พร้อมผลิตภัณฑ์ที่ช่วยบรรเทาอาการ
เมื่อเด็กๆ หรือผู้ใหญ่ป่วยเป็นเฮอร์แปงไจน่า อาการเจ็บคอและแผลในปากมักทำให้การรับประทานอาหารเป็นเรื่องยากลำบาก การเลือกรับประทานอาหารที่ช่วยบรรเทาอาการและส่งเสริมการฟื้นตัวของร่างกายจึงเป็นสิ่งจำเป็น บทความนี้จะเน้นถึงความสำคัญของอาหารที่มีโปรตีนสูง เช่น ไข่ ไก่ นม และปลา รวมถึงวิธีการบรรเทาอาการด้วยอาหารเย็น พร้อมแนะนำผลิตภัณฑ์ที่ช่วยบรรเทาอาการและเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
โปรตีน: สารอาหารสำคัญที่ช่วยเสริมสร้างและฟื้นฟูร่างกาย
โปรตีนเป็นสารอาหารหลักที่มีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างและซ่อมแซมเนื้อเยื่อต่างๆ ของร่างกาย โดยเฉพาะในช่วงที่ป่วย ร่างกายต้องการโปรตีนมากขึ้นเพื่อช่วยในการฟื้นฟูและเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน การได้รับโปรตีนจากอาหารประเภทไข่ ไก่ นม และปลา จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม
- ไข่: ไข่เป็นแหล่งโปรตีนที่สมบูรณ์และย่อยง่าย เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการเจ็บคอและแผลในปาก ไข่ตุ๋นหรือไข่ลวกสามารถทำให้กลืนง่ายและยังช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอได้ดี
- ไก่: เนื้อไก่เป็นแหล่งโปรตีนที่ดีและสามารถย่อยได้ง่าย ซุปไก่หรือไก่ตุ๋นเป็นเมนูที่เหมาะสำหรับผู้ป่วย ช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารครบถ้วนและฟื้นตัวได้รวดเร็ว
- นม: นมเป็นแหล่งโปรตีนและแคลเซียมที่ดี แนะนำให้ดื่มนมเย็นหรือทำเป็นสมูทตี้เพื่อช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอและเพิ่มพลังงานให้กับร่างกาย
- ปลา: ปลาเป็นโปรตีนที่มีไขมันดีและโอเมก้า-3 ซึ่งช่วยลดการอักเสบ ซุปปลาหรือข้าวต้มปลาจึงเป็นตัวเลือกที่ดีในการเสริมสร้างสุขภาพและฟื้นฟูร่างกาย
เสริมสร้างภูมิคุ้มกันด้วย Immunex FOS: การเสริมสร้างภูมิคุ้มกันด้วย Immunex FOS ช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้รวดเร็วขึ้น FOS (Fructooligosaccharides) ช่วยเพิ่มจำนวนแบคทีเรียดีในลำไส้ ซึ่งส่งผลให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ Immunex FOS ยังมี Zinc และ Selenium ที่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับร่างกาย ป้องกันการติดเชื้อซ้ำและช่วยให้ร่างกายต่อสู้กับเชื้อโรคได้ดีขึ้น
อาหารเย็น: บรรเทาอาการเจ็บคอและแผลในปาก
ความเย็นสามารถช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอและลดการอักเสบของแผลในปากได้ การเลือกทานอาหารเย็นหรือเครื่องดื่มเย็นๆ จะช่วยให้รู้สึกสบายขึ้นและช่วยลดอาการระคายเคืองในปาก
อาหารเย็นที่แนะนำสำหรับผู้ป่วยเฮอร์แปงไจน่า ได้แก่:
- ไอศกรีม: ไอศกรีมไม่เพียงแค่มีรสชาติอร่อย แต่ยังช่วยลดอาการเจ็บคอจากความเย็นที่สัมผัสกับแผลในปาก แนะนำให้เลือกไอศกรีมรสธรรมชาติที่ไม่หวานจัด เช่น ไอศกรีมโยเกิร์ต หรือไอศกรีมผลไม้
- โยเกิร์ตเย็น: โยเกิร์ตไม่เพียงแต่ช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอ แต่ยังเป็นแหล่งโปรตีนและโปรไบโอติกที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพทางเดินอาหาร
- น้ำผลไม้ปั่น: น้ำผลไม้ปั่นเย็นๆ เช่น น้ำแครอทหรือสตรอเบอร์รี่ ช่วยเพิ่มวิตามินและเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน วิตามินซีที่อยู่ในผลไม้ยังช่วยลดการอักเสบ
บรรเทาอาการแผลในปากด้วย Eureko Mouth Spray: หากแผลในปากทำให้คุณหรือเด็กๆ เจ็บจนไม่สามารถทานอาหารได้ Eureko Mouth Spray เป็นตัวช่วยที่มีประสิทธิภาพ สเปรย์นี้ช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดจากแผลในปากทันที ฟิล์มเคลือบแผลช่วยลดการระคายเคือง ทำให้สามารถทานอาหารและดื่มน้ำได้โดยไม่เจ็บปวด ผลิตภัณฑ์นี้ยังปลอดภัยสำหรับทุกคน รวมถึงเด็กและผู้สูงอายุ เนื่องจากไม่มีส่วนผสมของยาชา สเตียรอยด์ หรือแอลกอฮอล์
อาหารอื่นๆ ที่ควรหลีกเลี่ยง
นอกจากการเลือกทานอาหารที่เหมาะสมแล้ว ยังมีอาหารบางประเภทที่ควรหลีกเลี่ยง เนื่องจากอาจทำให้แผลในปากแย่ลง:
- อาหารรสจัด: เช่น อาหารเผ็ด เปรี้ยว หรือเค็มจัด อาหารเหล่านี้สามารถทำให้แผลในปากเกิดการระคายเคืองและเจ็บมากขึ้น
- อาหารแข็งหรือกรอบ: เช่น ขนมกรอบ หรือผักที่ไม่สุก อาหารเหล่านี้อาจทำให้แผลในปากถูกกระทบกระเทือนและเจ็บมากขึ้น ควรเลือกอาหารที่นุ่มและง่ายต่อการกลืนแทน
การดูแลเพิ่มเติมเพื่อฟื้นฟูสุขภาพ
นอกจากการเลือกทานอาหารที่เหมาะสม การดูแลสุขภาพของผู้ป่วยเฮอร์แปงไจน่าให้ฟื้นตัวได้เร็วขึ้นยังรวมถึงการพักผ่อนให้เพียงพอ และดื่มน้ำในปริมาณมาก เพื่อป้องกันการขาดน้ำและช่วยให้ร่างกายกำจัดเชื้อไวรัสออกไปได้อย่างรวดเร็ว การเลือกทานอาหารที่มีโปรตีนสูงและอาหารเย็น รวมถึงการใช้ผลิตภัณฑ์บรรเทาอาการ เช่น Eureko Mouth Spray และเสริมสร้างภูมิคุ้มกันด้วย Immunex FOS จะช่วยให้ผู้ป่วยรู้สึกสบายขึ้น และส่งเสริมให้ร่างกายฟื้นตัวได้รวดเร็วขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
สั่งซื้อ Eureko Mouth Spray, Immunex FOS หรือปรึกษาเภสัชกร ได้ที่ Line @genkihouses
อ่านบทความอื่นๆ เกี่ยวกับสุขภาพเด็กได้ที่:
- www.genkihouses.com
- www.มือเท้าปาก.com
ดาวน์โหลด E-Book ฟรี! คู่มือดูแลสุขภาพลูกน้อยเมื่อป่วยเป็นโรคมือเท้าปากหรือโรคเฮอร์แปงไจน่า
คำเตือน: บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาเพื่อใช้แทนคำแนะนำทางการแพทย์ หากมีข้อสงสัยหรือกังวลเกี่ยวกับสุขภาพ ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพโดยตรง