เมื่อลูกเป็นโรคมือ เท้า ปาก ควรหยุดเรียนกี่วัน?

มือ เท้า ปาก ลูกน้อย: สิ่งที่พ่อแม่ควรรู้เพื่อรับมืออย่างมั่นใจและปกป้องลูกน้อยจากโรค

โรคมือ เท้า ปาก เป็นโรคติดต่อที่พบได้บ่อยในเด็กเล็ก โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนและฤดูร้อน ซึ่งเป็นช่วงที่เชื้อไวรัสที่ก่อโรคแพร่กระจายได้ง่าย โรคนี้มักไม่รุนแรงและสามารถหายเองได้ แต่ก็สามารถทำให้เด็กไม่สบายตัวและมีอาการแทรกซ้อนที่รุนแรงได้ในบางกรณี

โรคมือ เท้า ปาก คืออะไร?

โรคมือ เท้า ปาก เกิดจากเชื้อไวรัสในกลุ่มเอนเทอโรไวรัส โดยเฉพาะไวรัสคอกแซกกี เอ 16 และเอนเทอโรไวรัส 71 (EV71) เชื้อไวรัสเหล่านี้สามารถแพร่กระจายผ่านการสัมผัสโดยตรงกับสารคัดหลั่งของผู้ป่วย เช่น น้ำมูก น้ำลาย หรือตุ่มน้ำใสที่แตกออก หรือผ่านการสัมผัสสิ่งของที่มีเชื้อปนเปื้อน

อาการของโรคมือ เท้า ปาก

อาการของโรคมือ เท้า ปาก มักเริ่มต้นด้วยไข้ต่ำๆ อ่อนเพลีย เจ็บคอ และที่สำคัญคือแผลในปากที่ทำให้ลูกน้อยเจ็บปวดทุกครั้งที่ทานอาหาร แผลเหล่านี้มักมีลักษณะเป็นตุ่มแดงหรือตุ่มน้ำใส ซึ่งสามารถพบได้ทั่วช่องปาก ทั้งบริเวณกระพุ้งแก้ม เหงือก ลิ้น หรือเพดานปาก ทำให้ลูกรู้สึกเจ็บปวดและไม่สามารถรับประทานอาหารได้ตามปกติ นอกจากนี้ ยังมีผื่นแดงหรือตุ่มน้ำใสที่บริเวณฝ่ามือ ฝ่าเท้า และบางครั้งอาจพบที่ก้นหรือขาหนีบด้วย เด็กบางคนอาจมีอาการเบื่ออาหารและซึมลงได้

เมื่อลูกเป็นโรคมือ เท้า ปาก ควรหยุดเรียนกี่วัน?

โดยทั่วไปแล้วเด็กที่เป็นโรคมือ เท้า ปาก ควรหยุดเรียนอย่างน้อย 5-7 วัน หรือจนกว่าตุ่มน้ำใสจะแห้งและตกสะเก็ด เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อไปยังเด็กคนอื่นๆ ในโรงเรียน การให้ลูกหยุดเรียนยังเป็นการเปิดโอกาสให้ลูกได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ที่บ้าน เพื่อให้ร่างกายฟื้นฟูและต่อสู้กับเชื้อไวรัสได้อย่างมีประสิทธิภาพ

อาหารบำรุงสุขภาพ: กำลังสำคัญในการต่อสู้กับโรคมือ เท้า ปาก

เนื่องจากโรคมือ เท้า ปาก ไม่มียารักษาโดยเฉพาะ การดูแลรักษาจึงเน้นที่การบรรเทาอาการและเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรง โภชนาการที่ดีจึงมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการช่วยให้ลูกน้อยฟื้นตัวจากโรคได้เร็วขึ้น

โปรตีน: เสริมสร้างและซ่อมแซม

โปรตีนเป็นสารอาหารสำคัญที่ช่วยซ่อมแซมเซลล์ที่เสียหายและเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง ในช่วงที่ลูกน้อยป่วยเป็นโรคมือ เท้า ปาก การได้รับโปรตีนอย่างเพียงพอจะช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็วขึ้น

  • แหล่งโปรตีนที่เหมาะสำหรับเด็ก: เน้นโปรตีนที่ย่อยง่ายและไม่ระคายเคืองต่อแผลในปาก เช่น เนื้อปลา เนื้อไก่บด ไข่ตุ๋น หรือเต้าหู้อ่อน หากลูกไม่ชอบทานเนื้อสัตว์ อาจเสริมโปรตีนจากแหล่งอื่น เช่น นม พุดดิ้งนม

วิตามินและแร่ธาตุ: เสริมเกราะป้องกัน

วิตามินซี สังกะสี และวิตามินเอ มีส่วนช่วยในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น ควรให้ลูกได้รับวิตามินและแร่ธาตุเหล่านี้จากผักและผลไม้สด เช่น ส้ม ฝรั่ง มะละกอ แครอท ฟักทอง หากลูกทานผักยาก อาจลองปั่นเป็นสมูทตี้ หรือหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ผสมในอาหารอื่นๆ

น้ำ: การดื่มน้ำมากๆ จะช่วยป้องกันภาวะขาดน้ำ ซึ่งเป็นภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้จากโรคมือ เท้า ปาก 

นม: สารอาหารครบถ้วน แต่ต้องปรับวิธี

นมเป็นแหล่งโปรตีนและแคลเซียมที่ดี แต่หากลูกมีแผลในปาก อาจทำให้การดูดนมเป็นไปได้ยาก ลองใช้วิธีป้อนนมทีละน้อยแต่บ่อยครั้ง หรืออาจเปลี่ยนเป็นโยเกิร์ตหรือนมปั่นแทน

ไอศกรีมและน้ำหวาน: บรรเทาอาการเจ็บคอ

ไอศกรีมและน้ำหวานผสมจางๆ สามารถช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอและทำให้ลูกรู้สึกสดชื่นขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม ควรให้ในปริมาณที่พอเหมาะ และหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีรสเปรี้ยว เพราะอาจทำให้แผลในปากระคายเคือง

สเปรย์พ่นปากยูเรโกะ: ตัวช่วยบรรเทาอาการเจ็บแผลในปาก

แผลในปากที่เกิดจากโรคมือ เท้า ปาก อาจทำให้เด็กรู้สึกเจ็บและไม่สามารถรับประทานอาหารได้ตามปกติ สเปรย์พ่นปากยูเรโกะ เป็นสเปรย์พ่นปากที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากธรรมชาติ ช่วยเคลือบแผลในปาก ลดการระคายเคือง และบรรเทาอาการเจ็บปวด ทำให้เด็กสามารถรับประทานอาหารและดื่มน้ำได้ง่ายขึ้น

ข้อควรจำ

โรคมือ เท้า ปาก เป็นโรคที่สามารถป้องกันได้ด้วยการรักษาสุขอนามัยที่ดี หากลูกของคุณป่วยเป็นโรคมือ เท้า ปาก ควรหยุดเรียนและพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้ร่างกายสามารถต่อสู้กับเชื้อไวรัสได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากมีข้อสงสัยหรือกังวลเกี่ยวกับโรคมือ เท้า ปาก ควรปรึกษาแพทย์เพื่อขอคำแนะนำเพิ่มเติม

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า
Scroll to Top