ฉีดวัคซีนมือ เท้า ปาก แล้ว ยังเป็นซ้ำได้อีกหรือ? คำถามคาใจที่พ่อแม่ควรรู้ พร้อมไขข้อสงสัยเรื่องอาการแทรกซ้อน

หลายคนอาจเข้าใจว่าเมื่อฉีดวัคซีนป้องกันโรคมือ เท้า ปาก แล้ว จะไม่สามารถกลับมาเป็นโรคนี้ได้อีก แต่ในความเป็นจริงแล้ว แม้ว่าจะได้รับวัคซีนแล้วก็ยังมีโอกาสเป็นโรคมือ เท้า ปาก ซ้ำได้อีก แต่ความรุนแรงและโอกาสในการเกิดโรคจะลดลง

วัคซีนป้องกันโรคมือ เท้า ปาก: ป้องกันได้ แต่ไม่ทั้งหมด

วัคซีนป้องกันโรคมือ เท้า ปาก ที่มีอยู่ในประเทศไทยปัจจุบัน เป็นวัคซีนป้องกันเชื้อ EV71 ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่รุนแรงที่สุดของโรค วัคซีนนี้มีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันโรคที่เกิดจากเชื้อ EV71 ได้ถึง 97% และสามารถลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนรุนแรงได้เกือบ 100%

อย่างไรก็ตาม วัคซีนนี้ไม่ได้ป้องกันโรคมือเท้าปากที่เกิดจากเชื้อไวรัสสายพันธุ์อื่นๆ เช่น Coxsackievirus A16 ซึ่งเป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดของโรคมือเท้าปากในประเทศไทย ดังนั้น แม้ว่าจะฉีดวัคซีนแล้ว ก็ยังมีโอกาสติดเชื้อจากไวรัสสายพันธุ์อื่นๆ และเกิดโรคมือเท้าปากได้ แต่โดยส่วนใหญ่อาการมักจะไม่รุนแรงเท่ากับการติดเชื้อ EV71

เหตุใดจึงยังเป็นซ้ำได้?

สาเหตุที่ยังสามารถเป็นโรคมือ เท้า ปาก ซ้ำได้แม้ว่าจะฉีดวัคซีนแล้ว มีดังนี้:

  1. ติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์อื่น: วัคซีนป้องกันเฉพาะเชื้อ EV71 เท่านั้น หากติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์อื่นที่ก่อโรค ก็ยังสามารถเกิดโรคมือ เท้า ปาก ได้
  2. ภูมิคุ้มกันไม่เพียงพอ: แม้ว่าจะฉีดวัคซีนแล้ว แต่ร่างกายของแต่ละคนตอบสนองต่อวัคซีนต่างกัน บางคนอาจสร้างภูมิคุ้มกันได้ไม่เพียงพอต่อการป้องกันโรค
  3. เชื้อไวรัสมีการกลายพันธุ์: เชื้อไวรัสสามารถกลายพันธุ์ได้ ทำให้วัคซีนที่เคยมีประสิทธิภาพอาจไม่สามารถป้องกันเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ได้

ฉีดวัคซีนกี่ครั้งจึงเพียงพอ?

วัคซีนป้องกันโรคมือ เท้า ปาก (EV71) แนะนำให้ฉีดทั้งหมด 2 เข็ม โดยเข็มที่สองจะฉีดห่างจากเข็มแรกประมาณ 1 เดือน หลังจากได้รับวัคซีนครบ 2 เข็มแล้ว ร่างกายจะสร้างภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงเพียงพอต่อการป้องกันโรคที่เกิดจากเชื้อ EV71 ได้ ปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลที่แน่ชัดว่าภูมิคุ้มกันที่ได้จากวัคซีนจะอยู่ได้นานแค่ไหน และยังไม่มีคำแนะนำให้ฉีดวัคซีนกระตุ้น

ป้องกันอย่างไรเมื่อฉีดวัคซีนแล้ว?

แม้ว่าจะฉีดวัคซีนแล้ว ก็ยังควรปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคมือเท้าปากอย่างเคร่งครัด เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อและแพร่เชื้อสู่ผู้อื่น ได้แก่:

  • ล้างมือบ่อยๆ: ด้วยสบู่และน้ำสะอาดอย่างน้อย 20 วินาที หรือใช้เจลแอลกอฮอล์ล้างมือ
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสผู้ป่วย: โดยเฉพาะผู้ที่มีอาการของโรคมือ เท้า ปาก
  • ไม่ใช้สิ่งของร่วมกับผู้อื่น: เช่น แก้วน้ำ ช้อน ส้อม ผ้าเช็ดตัว
  • ทำความสะอาดของเล่นและพื้นผิว: ที่เด็กสัมผัสบ่อยๆ ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ
  • สอนให้เด็กรู้จักสุขอนามัย: เช่น การปิดปากและจมูกเมื่อไอหรือจาม การไม่นำมือเข้าปาก

อาการแทรกซ้อนรุนแรงที่ควรเฝ้าระวัง

แม้ว่าโรคมือ เท้า ปาก ส่วนใหญ่จะไม่รุนแรงและหายได้เอง แต่ในบางกรณี (โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเกิดจากเชื้อ EV71) อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้ เช่น:

  • ภาวะขาดน้ำอย่างรุนแรง: เกิดจากการที่เด็กไม่สามารถดื่มน้ำหรือทานอาหารได้เพียงพอเนื่องจากเจ็บแผลในปาก
  • ภาวะแทรกซ้อนทางระบบประสาท: เช่น เยื่อหุ้มสมองอักเสบ, สมองอักเสบ, ก้านสมองอักเสบ, อัมพาต หรือแม้กระทั่งเสียชีวิต

อุบัติการณ์ของภาวะแทรกซ้อนรุนแรง

ภาวะแทรกซ้อนรุนแรงจากโรคมือ เท้า ปาก พบได้น้อยมาก โดยมีรายงานอุบัติการณ์น้อยกว่า 1% ของผู้ป่วยทั้งหมด อย่างไรก็ตาม หากลูกมีอาการผิดปกติ เช่น ไข้สูง ซึม อ่อนแรง อาเจียนบ่อย หรือมีอาการทางระบบประสาท เช่น ชัก ควรรีบพาไปพบแพทย์ทันที

หากสงสัยว่าลูกเป็นโรคมือ เท้า ปาก ควรปรึกษาแพทย์ทันที เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม

แม้ว่าวัคซีนจะไม่สามารถป้องกันโรคมือ เท้า ปาก ได้ 100% แต่ก็เป็นเครื่องมือสำคัญในการลดความรุนแรงของโรคและป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ การฉีดวัคซีนควบคู่ไปกับการรักษาสุขอนามัยที่ดี จะช่วยปกป้องลูกน้อยของคุณจากโรคมือ เท้า ปาก ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Leave a Comment

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า
Scroll to Top